วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับภูมิศาสตร์กายภาพ

ภูมิศาสตร์เป็นศาสตร์เก่าแก่สาขาหนึ่ง แต่เดิมนั้นเป็นการศึกษาวิชาภูมิศาสตร์จะเป็นไปในการบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับบนพื้นโลก ในราว 267 ปีก่อนคริสต์ศักราชนักภูมิศาสตร์ชาวกรีกชื่อ อีราโทสธีเนส เป็นบุคคลแรกที่นำเอาคำว่า “ภูมิศาสตร์” มาใช้เนื่องจากวิชาภูมิศาสตร์เป็น วิชาพลวัต ดังนั้นเนื้อหาหรือขอบข่ายจึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและขยายกว้างขวางขึ้น จนผู้คนไม่แน่ใจวิชาภูมิศาสตร์ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรกันแน่
แต่ในปัจจุบันการศึกษาภูมิศาสตร์จะเน้นในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ
1. ความหมายของภูมิศาสตร์
ภูมิศาสตร์มาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤตที่เกิดจากคำว่า “ภูมิ” ซึ่งหมายถึง แผ่นดินหรือพื้นโลก นำมาสมาสกับคำว่า ศาสตร์ ที่มีความหมายว่า ตำราหรือวิชา ดังนั้น ภูมิศาสตร์จึงหมายถึง ตำราหรือวิชาที่ว่าด้วยพื้นโลก
ภูมิศาสตร์ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Geography ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษากรีก Geo + Graphos คำว่า Geo มีความหมายว่า เรื่องราวเกี่ยวกับโลก ส่วน Graphos หมายถึง ศาสตร์ที่ว่าด้วยการบรรยายหรือพรรณนา ดังนั้นภูมิศาสตร์จึงหมายถึงศาสตร์ที่บรรยายหรือพรรณนาเกี่ยวกับโลก
นอกจากนั้นแล้วยังมีผู้ให้ความหมายของภูมิศาสตร์อีกมาก เช่น
ภูมิศาสตร์ หมายถึง วิชาที่ว่าด้วยความแตกต่างของพื้นผิวโลกในแง่ของลักษณะที่เด่น การกำหนด และความสัมพันธ์ระหว่างสารประกอบของโลก เช่นภูมิอากาศ ลักษณะภูมิประเทศ ดิน พืชพรรณ ประชากร การใช้ที่ดิน อุตสาหกรรมหรือรัฐและหน่วยงานที่เกิดจากความสลับซับซ้อนของส่วนประกอบต่าง ๆ (พจนานุกรมระดับวิทยาลัยอเมริกัน)
ภูมิศาสตร์ หมายถึง ศาสตร์ที่บรรยายเกี่ยวกับเปลือกโลกในแง่ของความแตกต่างหรือความสัมพันธ์ของพื้นที่ (คณะกรรมการอภิธานศัพท์ภูมิศาสตร์อังกฤษ)
ภูมิศาสตร์ หมายถึง วิชาที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน,2516)
2. ขอบข่ายวิชาภูมิศาสตร์ มี 2 สาขาใหญ่ คือ
2.1 ภูมิศาสตร์กายภาพ (Physical Geography) เป็นการศึกษาเรื่องราวของภูมิทัศน์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่นลักษณะภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ ปรากฎการณ์ในห้วงอากาศ
2.2 ภูมิศาสตร์มนุษย์ (Human Geography) เป็นการศึกษาภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม เช่น ภูมิศาสตร์วัฒนธรรม ภูมิศาสตร์การเมือง ภูมิศาสตร์ประชากร ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์การเกษตร เป็นต้น
3. ความหมายของภูมิศาสตร์กายภาพ
เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางกายภาพรอบๆ ตัวมนุษย์ ทั้งส่วนที่เป็นธรณีภาค อุทกภาค และบรรยากาศภาค ตลอดจนความสัมพันธ์ทางพื้นที่ ภูมิศาสตร์กายภาพจึงเป็นวิชาหลักพื้นฐาน ที่สามารถช่วยให้นักศึกษาวิเคราะห์เหตุผลประกอบกับการสังเกต พิจารณาสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพบนพื้นพิภพได้เป็นอย่างดี
4. ความสำคัญของภูมิศาสตร์กายภาพ
ภูมิศาสตร์ทางกายภาพเป็นวิชาหลักพื้นฐานที่สามารถวิเคราะห์เหตุผลประกอบกับการสังเกตพิจารณาสิ่งที่ผันแปรเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคต่างๆ ของโลกได้เป็นอย่างดี การศึกษาภูมิศาสตร์กายภาพแผนใหม่ต้องศึกษาอย่างมีเหตุผล โดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางภูมิศาสตร์ หรือหลักเกณฑ์สถิติซึ่งเป็นข้อเท็จจริง จากวิชาในแขนงที่เกี่ยวข้องกัน มาพิจารณาโดยรอบคอบ
5. ขอบข่ายภูมิศาสตร์ทางกายภาพ
ภูมิศาสตร์ทางกายภาพเป็นวิชาหลักพื้นฐานที่สามารถวิเคราะห์เหตุผลประกอบกับการสังเกตพิจารณาสิ่งที่ผันแปรเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคต่างๆ ของโลกได้เป็นอย่างดี การศึกษาภูมิศาสตร์กายภาพแผนใหม่ต้องศึกษาอย่างมีเหตุผล โดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางภูมิศาสตร์ หรือหลักเกณฑ์สถิติซึ่งเป็นข้อเท็จจริง จากวิชาในแขนงที่เกี่ยวข้องกัน มาพิจารณาโดยรอบคอบ ภูมิศาสตร์กายภาพมีขอบข่าย หรือมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับศาสตร์ต่างๆดังนี้ 1. ยีออเดซี (Geodesy) คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการหารูปทรงสัณฐานและขนาดของพิภพโดยการคำนวณหรือจากการรังวัดโดยตรง 2. ดาราศาสตร์ (Astronomy) คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยธรรมชาติอันเกี่ยวกับองค์ประกอบของการเคลื่อนที่ ตำแหน่งสัมพันธ์ และลักษณะที่ปรากฎของเทห์ ฟากฟ้าต่างๆของโลก 3. การเขียนแผนที่ (Cartography) คือ ศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำแผนที่ ซึ่งมีความหมายคลุม ทั้งวิชาการที่เป็นมูลฐานในการทำแผนที่ และศิลปะในการเขียน แผนที่ชนิดต่างๆ 4. อุตุนิยมวิทยาและภูมิอากาศวิทยา (Meteorology and Climatology) คือ ศาสตร์ที่กล่าวถึงเรื่องราวของบรรยากาศและองค์ประกอบของภูมิอากาศ และกาลอากาศ 5. ปฐพีวิทยา (Pedology) คือ ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดิน 6. ภูมิศาสตร์พืช (Plant GeoGraphy) คือ ภูมิศาสตร์แขนงหนึ่งในสาขาวิชาภูมิศาสตร์การเกษตร เน้นหนักเรื่องพืชพรรณในถิ่นต่าง ๆ ของโลก โดยพิจารณา สภาพภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องหรือ มีผลต่อพืชนั้นๆ
7. สมุทรศาสตร์กายภาพ (Physical Oceanography) คือ ศาสตร์ที่ศึกษาทางด้านกายภาพ เกี่ยวข้องกับท้องทะเลและมหาสมุทร
8. ธรณีสัณฐานวิทยา (Geomorphology) คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยพื้นผิวโลก ซึ่งประมวล เอาทั้งรูปร่างธรรมชาติ กระบวนการกำเนิดและพัฒนาตัว ตลอดจน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 9. ธรณีวิทยา (Geology) คือ ศาสตร์ที่ด้วยความรู้เกี่ยวกับโลกทั้งภายในและภายนอก เรียกอย่างสามัญว่า วิทยาศาสตร์โลก (Earth Science) 10. อุทกวิทยา (Hydrology) คือ ศาสตร์เกี่ยวกับน้ำที่มีอยู่ในโลก เช่น ศึกษาสาเหตุการเกิดการหมุนเวียน การทรงอยู่ คุณสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ ตลอดจน คุณลักษณะของน้ำในลำน้ำ ทะเลสาบ และน้ำในดิน รวมทั้งการนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ การควบคุมและการอนุรักษ์น้ำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น